โปรแกรม ULTRAFORMER III นวัตกรรม HIFU รุ่นล่าสุด ยกกระชับลึกถึง SMAS ไม่ผ่าตัด เห็นผลทันที

โปรแกรม ULTRAFORMER III ยกกระชับลึกถึง SMAS เห็นผลลัพธ์จริง โดยไม่มีแผล

ในยุคที่เทคโนโลยีความงามก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การยกกระชับใบหน้าโดยไม่ผ่าตัดได้กลายเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการชะลอวัยและคืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวพรรณ โปรแกรม ULTRAFORMER III ด้วยนวัตกรรม HIFU (HIGH INTENSITY FOCUSED ULTRASOUND) รุ่นใหม่ล่าสุดจากเกาหลีใต้ ถือเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่โดดเด่นที่สุด ด้วยเทคโนโลยี MICRO & MACROFOCUSED ULTRASOUND ที่สามารถส่งพลังงานลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นที่ใช้ผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าได้อย่างแม่นยำ ให้ผลลัพธ์การยกกระชับที่เทียบเท่าการผ่าตัดแต่ปลอดภัยและไม่ต้องพักฟื้น

 

โปรแกรม ULTRAFORMER III คืออะไร และทำไมถึงเป็นที่นิยม

ด้วยเทคโนโลยี HIGH INTENSITY FOCUDES ULTRASOUND (HIFU) ในการยกกระชับและกระชับผิว พัฒนาและผลิตโดยบริษัท CLASSYS INC. จากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีความงามระดับโลก เครื่องนี้ได้รับการรับรองมาตรฐานจากองค์กรชั้นนำทั่วโลก ได้แก่ CE MARK จากสหภาพยุโรป, KFDA จากเกาหลีใต้, และ อย. ประเทศไทย

สิ่งที่ทำให้โปรแกรม ULTRAFORMER III โดดเด่นและเป็นที่นิยมอย่างมากในวงการความงามคือความสามารถในการส่งคลื่นอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูงลงไปยังชั้นผิวได้หลายระดับความลึกพร้อมกัน ตั้งแต่ 1.5 มม., 2.0 มม., 3.0 มม., 4.5 มม., 6.0 มม., 9.0 มม. และ 13.0 มม. ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ชั้นผิวหนังตื้นๆ ไปจนถึงชั้นไขมันลึก ทำให้สามารถรักษาปัญหาผิวได้ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยตื้นๆ ผิวหย่อนคล้อย หรือแม้แต่ไขมันส่วนเกินใต้ผิว

 

หลักการทำงานของโปรแกรม ULTRAFORMER III แบบเจาะลึก

เทคโนโลยี HIFU (HIGH INTENSITY FOCUSED ULTRASOUND)

โปรแกรม ULTRAFORMER III ทำงานโดยใช้หลักการรวมคลื่นอัลตราซาวนด์ให้เป็นจุดเล็กๆ  คล้ายกับการใช้แว่นขยายรวมแสงแดดให้เป็นจุดความร้อนสูง คลื่นอัลตราซาวนด์ที่ถูกรวมนี้จะสร้างความร้อนสูงถึง 60-70 องศาเซลเซียส ณ จุดที่ต้องการโดยเฉพาะ โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบข้าง ความร้อนนี้จะกระตุ้นให้เกิด 2 กระบวนการสำคัญ:

1. IMMEDIATE COLLAGEN CONTRACTION (การหดตัวของคอลลาเจนทันที): เมื่อคอลลาเจนเก่าได้รับความร้อนสูง จะเกิดการหดตัวทันที (THERMAL COAGULATION) ทำให้ผิวดูกระชับขึ้นในทันที แม้จะยังไม่เห็นผลเต็มที่แต่จะรู้สึกได้ว่าผิวตึงขึ้น

2. NEOCOLLAGENESIS (การสร้างคอลลาเจนใหม่): ความร้อนที่เกิดขึ้นจะกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมตามธรรมชาติของร่างกาย (WOUND HEALING RESPONSE) ทำให้เซลล์ไฟโบรบลาสต์ทำงานอย่างเต็มที่ในการผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินใหม่ กระบวนการนี้จะดำเนินต่อเนื่องเป็นเวลา 6-8 เดือน ทำให้ผิวแน่นขึ้นเรื่อยๆ

การทำงานในแต่ละชั้นผิว

ความลึก 1.5 มม. (EPIDERMAL-DERMAL JUNCTION): เป็นระดับที่ตื้นที่สุด เหมาะสำหรับการรักษาริ้วรอยตื้นๆ รอยตีนกาเล็กน้อย ปรับผิวให้เรียบเนียน กระชับรูขุมขน และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวบน ช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล เหมาะกับบริเวณผิวบางเช่นรอบดวงตา หนังตาบน และริมฝีปาก

ความลึก 2.0 มม. (UPPER DERMIS): ทำงานในชั้นหนังแท้ส่วนบน เหมาะสำหรับการรักษาริ้วรอยระดับปานกลาง ปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว ลดริ้วรอยย่นบริเวณคอ และช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

ความลึก 3.0 มม. (DEEP DERMIS): เจาะลึกลงไปถึงชั้นหนังแท้ส่วนล่าง ซึ่งเป็นแหล่งสำคัญของคอลลาเจนและอิลาสติน การกระตุ้นที่ระดับนี้จะช่วยยกกระชับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดร่องแก้ม ยกมุมปาก และปรับโครงสร้างผิวให้แข็งแรงจากภายใน

ความลึก 4.5 มม. (SMAS LAYER): นี่คือระดับที่สำคัญที่สุดสำหรับการยกกระชับ เพราะเป็นชั้น SMAS (SUPERFICIAL MUSCULO-APONEUROTIC SYSTEM) ซึ่งเป็นชั้นพังผืดที่หุ้มกล้ามเนื้อและเป็นโครงสร้างที่รองรับใบหน้า การกระตุ้นที่ชั้นนี้จะให้ผลยกกระชับที่ชัดเจน เสมือนการผ่าตัดดึงหน้า (FACE LIFT) แต่ไม่ต้องใช้มีด ช่วยยกกรอบหน้า ลดเหนียง และทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น

ความลึก 6.0 มม. (SUBCUTANEOUS FAT LAYER): ทำงานในชั้นไขมันใต้ผิวส่วนบน เหมาะสำหรับการสลายไขมันส่วนเกินบริเวณแก้ม เหนียง คาง ช่วยลดขนาดของแก้มที่ใหญ่จากไขมัน ทำให้ใบหน้าดูเล็กลงและมีมิติมากขึ้น

ความลึก 9.0 มม. (DEEP FAT LAYER): สำหรับการสลายไขมันชั้นลึก เหมาะกับการรักษาคางสองชั้น กรามที่มีไขมันหนา และใช้สำหรับกระชับผิวบริเวณลำตัว เช่น ต้นแขน หน้าท้อง ต้นขา

ความลึก 13.0 มม. (EXTRA DEEP FAT LAYER): หัวใหม่ล่าสุดที่ลึกที่สุด ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการสลายไขมันส่วนเกินในบริเวณที่มีชั้นไขมันหนามาก เช่น หน้าท้อง สะโพก ต้นขา ช่วยลดเซลลูไลท์และกระชับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เทคโนโลยี MICRO & MACRO FOCUSED ULTRASOUND

MICRO FOCUSED ULTRASOUND: สร้างจุดความร้อนขนาดเล็กมาก (0.5-1 มม.) จำนวนมาก กระจายอย่างสม่ำเสมอในชั้นผิวที่ต้องการ เหมาะสำหรับการกระตุ้นคอลลาเจนและยกกระชับผิว จุดความร้อนเล็กๆ เหล่านี้จะไม่ทำลายเนื้อเยื่อมากเกินไป ทำให้ร่างกายสามารถซ่อมแซมได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

MACRO FOCUSED ULTRASOUND: สร้างพื้นที่ความร้อนขนาดใหญ่กว่า เหมาะสำหรับการสลายไขมันและรักษาบริเวณที่ต้องการพลังงานมาก การรวมทั้งสองเทคโนโลยีนี้ทำให้โปรแกรม ULTRAFORMER III สามารถรักษาได้ครอบคลุมทั้งการยกกระชับและการลดไขมันในเครื่องเดียว

 

ขั้นตอนการทำโปรแกรม ULTRAFORMER III อย่างละเอียด

ขั้นตอนที่ 1: การเตรียมตัวก่อนทำ

1 สัปดาห์ก่อนทำ: ผู้ที่จะรับการรักษาควรเตรียมร่างกายให้พร้อมโดยการดื่มน้ำให้เพียงพอวันละ 2-3 ลิตร เพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้นเพียงพอ ซึ่งจะช่วยให้คลื่นอัลตราซาวนด์ส่งผ่านได้ดีและลดความรู้สึกเจ็บ พักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับวันละ 7-8 ชั่วโมง เพื่อให้ผิวอยู่ในสภาพที่ดีและพร้อมสำหรับการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน หลีกเลี่ยงการออกแดดจัดหรือทำกิจกรรมที่ทำให้ผิวไหม้ ควรทาครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไปทุกวัน งดการทำทรีตเมนต์ที่รุนแรงต่อผิว เช่น การเลเซอร์หรือผลัดเซลล์ผิว 

3 วันก่อนทำ: งดยาแอสไพริน ยาต้านการอักเสบกลุ่ม NSAIDs วิตามินอี น้ำมันปลา หรืออาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เพื่อลดโอกาสเกิดรอยช้ำ (ควรปรึกษาแพทย์ก่อนหยุดยาที่จำเป็นต่อสุขภาพ) ลดการดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีนที่อาจทำให้ผิวแห้งและอ่อนไหวต่อความเจ็บมากขึ้น หลีกเลี่ยงอาหารเค็มจัดหรืออาหารที่มี MSG สูง ที่อาจทำให้บวมน้ำและส่งผลต่อการประเมินผิวหน้า

วันที่ทำ: ล้างหน้าให้สะอาดด้วยโฟมล้างหน้าอ่อนโยน ไม่ต้องทาครีมบำรุงหรือแต่งหน้ามา เพราะจะต้องล้างออกอีกครั้งที่คลินิก รับประทานอาหารเช้าหรือกลางวันตามปกติ ไม่ควรมาขณะท้องว่างเพราะอาจเป็นลมระหว่างทำได้ ดื่มน้าเปล่าอย่างน้อย 2-3 แก้วก่อนมาคลินิก เพื่อให้ร่างกายมีน้ำเพียงพอ

ขั้นตอนที่ 2: การปรึกษาและประเมินผิว

การซักประวัติ (15-20 นาที): แพทย์จะซักถามประวัติสุขภาพโดยละเอียด รวมถึงโรคประจำตัว ยาที่รับประทานอยู่ ประวัติการแพ้ ประวัติการทำศัลยกรรมหรือการรักษาความงามที่ผ่านมา โดยเฉพาะการฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ หรือการฝังไหมที่อาจมีผลต่อการรักษา พร้อมทั้งสอบถามความต้องการและความคาดหวังจากการรักษา เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม

การตรวจประเมินผิว (10-15 นาที): แพทย์จะตรวจดูสภาพผิวอย่างละเอียด โดยประเมินระดับความหย่อนคล้อยของผิว ประเมินความหนาของชั้นผิวและชั้นไขมัน เพื่อเลือกหัว CARTRIDGE ที่เหมาะสม ดูการกระจายของไขมันและกล้ามเนื้อบนใบหน้า สังเกตตำแหน่งของเส้นประสาทสำคัญเพื่อหลีกเลี่ยงการยิงโดน ประเมินคุณภาพผิว เช่น ความชุ่มชื้น ความยืดหยุ่น รอยสิว รอยแผลเป็น จุดด่างดำ ที่อาจต้องรักษาร่วมด้วย

การวางแผนการรักษา (10-15 นาที): แพทย์จะอธิบายหลักการทำงานของโปรแกรม ULTRAFORMER III ผลลัพธ์ที่คาดหวังได้ ระยะเวลาในการเห็นผล และจำนวนครั้งที่แนะนำ แบ่งใบหน้าเป็นโซนต่างๆ เลือก CARTRIDGE ที่จะใช้สำหรับแต่ละบริเวณ เช่น 4.5 มม. สำหรับยกกระชับ, 3.0 มม. สำหรับกระชับผิว, 1.5 มม. สำหรับริ้วรอยตื้น กำหนดจำนวนช็อต ที่จะยิงในแต่ละบริเวณ โดยทั่วไปจะใช้ 300-1200 ช็อต สำหรับทั้งใบหน้า ขึ้นอยู่กับปัญหาและขนาดใบหน้า

การถ่ายรูปก่อนทำ (5 นาที): ถ่ายรูปมาตรฐานจากหลายมุม ได้แก่ หน้าตรง, ข้างซ้าย-ขวา, มุมเฉียง 45 องศา, และมุมเงย ด้วยแสงและพื้นหลังที่เหมือนกันทุกครั้ง เพื่อใช้เปรียบเทียบผลการรักษา

ขั้นตอนที่ 3: การเตรียมผิวและทายาชา

การทำความสะอาดผิว (5-10 นาที): เพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่ตกค้าง เช็ดด้วยแอลกอฮอล์ 70% เพื่อฆ่าเชื้อบนผิว โดยเฉพาะบริเวณที่มีรูขุมขนอุดตันหรือสิว

การทายาชา (30-45 นาที): ทายาชาเฉพาะที่ชนิดครีมที่มีส่วนผสมของ LIDOCAINE 5% ทาให้หนาประมาณ 2-3 มม. ทั่วบริเวณที่จะทำ และใช้พลาสติกใสคลุมเพื่อเพิ่มการดูดซึมของยาชา ทิ้งไว้ 30-45 นาที สำหรับผู้ที่กลัวเจ็บมากหรือทำบริเวณที่มีความรู้สึกมาก อาจใช้การฉีดยาชาร่วมด้วยที่เส้นประสาทหลักที่มาเลี้ยงบริเวณนั้นๆ

การเตรียมก่อนเริ่มยิง (5 นาที): เช็ดยาชาออกให้หมดด้วยผ้าก๊อซชุบน้ำเกลือ ทา ULTRASOUND GEL แบบใสไม่มีฟองอากาศ หนาพอประมาณ (ไม่หนาหรือบางเกินไป) เพื่อช่วยในการส่งผ่านคลื่นอัลตราซาวนด์ ตรวจสอบการตั้งค่าเครื่องให้ถูกต้องตามแผนที่วางไว้ เตรียม CARTRIDGE ที่จะใช้ให้พร้อม โดยตรวจสอบวันหมดอายุและความสมบูรณ์ของบรรจุภัณฑ์

ขั้นตอนที่ 4: การยิงโปรแกรม ULTRAFORMER III

การเริ่มยิง – TEST SHOT (5 นาที): แพทย์จะเริ่มด้วยการยิงทดสอบ 2-3 ช็อตในบริเวณแก้มล่าง เพื่อให้ผู้รับการรักษาคุ้นเคยกับความรู้สึกและประเมินความเจ็บ ปรับระดับพลังงานให้เหมาะสมตามความทนได้ของผู้รับการรักษา โดยทั่วไปจะใช้พลังงาน 0.6-1.2 JOULES สำหรับใบหน้า และ 1.2-2.0 JOULES สำหรับลำตัว

การยิงบริเวณหน้าผาก (10-15 นาที): ใช้ CARTRIDGE 3.0 มม. หรือ 4.5 มม. ขึ้นอยู่กับความหนาของผิว เริ่มยิงจากบริเวณกลางหน้าผากไปด้านข้าง เว้นระยะห่างจากคิ้วประมาณ 1 ซม. เพื่อป้องกันคิ้วตก ยิงเป็นแถวขนานกับแนวคิ้ว (HORIZONTAL LINES) จำนวน 3-5 แถว แต่ละช็อตห่างกัน 2-3 มม. หลีกเลี่ยงการยิงบริเวณที่มี FRONTAL NERVES ผ่าน (บริเวณขมับและเหนือคิ้วตรงกลาง) รวมใช้ประมาณ 50-80 ช็อตสำหรับหน้าผากทั้งหมด

การยิงบริเวณรอบดวงตา (10-15 นาที): ใช้ CARTRIDGE1.5 มม. หรือ 2.0 มม. เท่านั้น เพราะผิวบริเวณนี้บางมาก ยิงห่างจากขอบตาอย่างน้อย 5 มม. เพื่อความปลอดภัย สำหรับหางตา ยิงเป็นรูปพัด (FAN PATTERN) ตามแนวริ้วรอยตีนกา จำนวน 20-30 ช็อตต่อข้าง ใต้ตา ยิงเบาๆ เป็นแถวเดียว ห่างจากขนตาล่างประมาณ 5-7 มม. จำนวน 10-15 ช็อตต่อข้าง

การยิงบริเวณแก้ม (15-20 นาที): ใช้ CARTRIDGE หลายความลึกตามชั้นของปัญหา: 4.5 มม. สำหรับยกกระชับชั้น SMAS, 3.0 มม. สำหรับกระชับผิว, 6.0 มม. สำหรับสลายไขมันแก้ม (ถ้ามี) เริ่มยิงจากบริเวณโหนกแก้ม (ZYGOMATIC ARCH) ลงมาถึงขากรรไกรตามทิศทางการยกขึ้น (LIFTING VECTORS) จากล่างขึ้นบนและจากใต้ไปนอก ใช้เทคนิค SMAS LIFTINF TECHNIQUE คือยิง 2 ความลึกในบริเวณเดียวกันเพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า รวมใช้ประมาณ 150-200 ช็อตสำหรับแก้มทั้งสองข้าง

การยิงบริเวณขากรรไกรและเหนียง (15-20 นาที): ใช้ CARTRIDGE 4.5 มม. เป็นหลักเพื่อยกกระชับ SMAS และ 6.0 มม. หรือ 9.0 มม. สำหรับสลายไขมันเหนียง ยิงตามแนวขากรรไกร (JAWLINE) จากคางไปถึงใต้หูทั้งสองข้าง ยิงเป็น CROSS-HATCHING PATTERN (ตารางไขว้) เพื่อให้ครอบคลุมทั่วถึง เน้นยิงบริเวณที่มีไขมันสะสมมาก ระวังเส้นประสาท MARGINAL MANDIBULAR NERVE โดยยิงสูงกว่าขอบขากรรไกรเล็กน้อย รวมใช้ประมาณ 100-150 ช็อต

การยิงบริเวณคางและใต้คาง (10-15 นาที): ใช้ CARTRIDGE 4.5 มม. และ 6.0 มม. หรือ 9.0 มม. สำหรับผู้ที่มีไขมันใต้คางมาก จากใต้คางไปยังมุมขากรรไกรทั้งสองข้าง สำหรับคางสองชั้น ยิงซ้ำหลายรอบในบริเวณเดียวกัน ระวังไม่ยิงใกล้กล่องเสียง และหลอดเลือดใหญ่ รวมใช้ประมาณ 80-120 ช็อต

การยิงบริเวณคอ (10-15 นาที): ใช้ CARTRIDEG 2.0 มม. หรือ 3.0 มม. เพราะผิวคอค่อนข้างบาง ยิงเป็นแนวตั้งตาม PLATYSMAL BAND (เส้นเอ็นคอที่ยื่นเวลาเกร็ง) หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีหลอดเลือดใหญ่ ยิงเบามือกว่าบริเวณอื่นๆ เพราะผิวคอไวต่อความร้อน รวมใช้ประมาณ 60-100 ช็อต

ขั้นตอนที่ 5: การดูแลหลังทำ

ทันทีหลังยิงเสร็จ (10 นาที): เช็ดเจลออกให้หมดด้วยผ้าเปียกอุ่นหรือสำลีชุบน้ำอุ่น ตรวจดูผิวหน้าว่ามีรอยแดง บวม หรือรอยช้ำหรือไม่ ซึ่งอาจพบรอยแดงเล็กน้อยเป็นเรื่องปกติ ประคบเย็น 5-10 นาที เพื่อลดอาการบวมและระคายเคือง

การให้คำแนะนำหลังทำ (10 นาที): แพทย์จะอธิบายอาการที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น แดง บวม ชา เจ็บกล้ามเนื้อเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปเองภายใน 3-7 วัน แนะนำการดูแลผิวที่บ้าน การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุง และข้อควรระวังต่างๆ กำหนดนัดติดตามผลในอีก 1 เดือน และ 3 เดือน พร้อมให้เบอร์ติดต่อกรณีมีปัญหาเร่งด่วน

 

บริเวณที่สามารถทำโปรแกรม ULTRAFORMER III และผลลัพธ์

การรักษาบริเวณใบหน้าและคอ

1. หน้าผากและคิ้ว: โปรแกรม ULTRAFORMER III ช่วยยกคิ้วที่หย่อนตก ให้ขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ทำให้ดวงตาดูเปิดกว้างขึ้นและสีหน้าดูตื่นตัวมากขึ้น ลดริ้วรอยหน้าผากทั้งแนวนอน และแนวตั้ง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลลัพธ์ที่ได้คือหน้าผากเรียบเนียน ดูอ่อนเยาว์ และคิ้วที่ยกขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ดูแปลกหรือตึงเกินไป

2. รอบดวงตา: บริเวณรอบดวงตาเป็นจุดที่แสดงอายุได้ชัดเจน โปรแกรม ULTRAFORMER III ช่วยกระชับหนังตาบนที่หย่อน โดยไม่ต้องผ่าตัด ลดริ้วรอยตีนกา ทั้งแบบขณะยิ้มและขณะหน้านิ่ง กระชับถุงใต้ตาและลดความหย่อนของผิวใต้ตา ทำให้ใต้ตาดูเรียบเนียน ไม่มีร่องลึก ดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น

3. แก้มและโหนกแก้ม: โปรแกรม ULTRAFORMER III ช่วยยกแก้มที่หย่อนตกกลับขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งเดิม ทำให้โหนกแก้มดูเด่นชัดขึ้น เพิ่มปริมาตรและความอิ่มเอิบให้แก้มดูอวบอิ่มอย่างเป็นธรรมชาติ ลดร่องแก้มและร่องน้ำหมากให้ตื้นขึ้น ผลลัพธ์คือใบหน้าดูมีมิติ อ่อนเยาว์ และมีความสมดุลที่สวยงาม

4. ขากรรไกรและเหนียง: เหนียงเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้ใบหน้าดูแก่และหย่อนคล้อย โปรแกรม ULTRAFORMER III ช่วยยกกระชับเหนียงที่ย้อยลงมา ทำให้ขากรรไกรคมชัดขึ้น สลายไขมันส่วนเกินบริเวณนี้ ทำให้ใบหน้าดูเรียวเล็กและมีรูปร่างที่สวยงาม ลดความหย่อนคล้อยและมุมปากที่ตกลง ทำให้สีหน้าดูสดใสไม่บูดบึ้ง

5. คางและใต้คาง: โปรแกรม ULTRAFORMER III แก้ปัญหาคางสองชั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการสลายไขมันส่วนเกินและกระชับผิวหนังที่หย่อน ช่วยเสริมสร้างคางให้ดูชัดเจนและมีรูปร่างที่สวยงาม ปรับมุมระหว่างคางและคอให้เป็น 90-120 องศา ซึ่งเป็นมุมที่สวยงามที่สุด ผลลัพธ์คือคางที่ดูเรียวแหลม ไม่มีไขมันส่วนเกิน และมีเส้นกรอบหน้าที่คมชัด

6. คอ: ผิวคอเป็นบริเวณที่มักถูกละเลยแต่บ่งบอกอายุได้ดี โปรแกรม ULTRAFORMER III ช่วยกระชับผิวคอที่หย่อนเป็นคลื่น ลดริ้วรอยคอแนวนอนที่เกิดจากการก้มมองโทรศัพท์ ยกกระชับเส้นเอ็นคอให้เรียบเนียน ทำให้คอดูเรียวยาว อ่อนเยาว์ และกลมกลืนกับใบหน้าที่ยกกระชับแล้ว

 

ผลลัพธ์ที่คาดหวังและระยะเวลาในการเห็นผล

ทันทีหลังทำ: จะเห็นผลการกระชับขึ้นประมาณ 10-20% จากการหดตัวของคอลลาเจนเก่าทันที (IMMEDIATE COLLAGEN CONTRACTION) รูปหน้าดูเรียวขึ้นเล็กน้อย ผิวดูตึงกระชับ อาจมีอาการบวมแดงเล็กน้อย ซึ่งจะทำให้หน้าดูอิ่มชั่วคราว ผู้รับการรักษาจะรู้สึกว่าผิวตึงๆ และอาจมีความรู้สึกชาหรือเสียวเล็กน้อย

สัปดาห์ที่ 1: อาการบวมแดงจะหายไปภายใน 3-7 วัน ผิวเริ่มดูกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ประมาณ 20-30% ริ้วรอยตื้นๆ เริ่มจางลง รูขุมขนดูกระชับขึ้น ผิวเริ่มมีความเรียบเนียนและดูสุขภาพดี อาจยังมีความรู้สึกชาหรือเสียวบางจุดซึ่งเป็นเรื่องปกติ

เดือนที่ 1: กระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ (NEOCOLLAGENESIS) เริ่มเห็นผลชัดเจน ผิวแน่นขึ้น ริ้วรอยลดลง 30-40% รูปหน้าเริ่มดูเรียวและมีมิติมากขึ้น ผิวดูอิ่มน้ำและมีความยืดหยุ่นดีขึ้น เหนียงและคางสองชั้นเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด ผู้รอบข้างเริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลง

เดือนที่ 2: คอลลาเจนและอิลาสตินใหม่ถูกสร้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผลการยกกระชับดีขึ้นถึง 50-60% ใบหน้าดูเรียวเล็กลงชัดเจน ริ้วรอยลึกจางลงมาก ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ขากรรไกรคมชัด เหนียงลดลงมาก ร่องแก้มตื้นขึ้น

เดือนที่ 3-6: ผลลัพธ์เต็มที่จะเห็นที่เดือนที่ 3-4 การยกกระชับดีขึ้น 70-90% ขึ้นอยู่กับอายุและสภาพผิวเริ่มต้น ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย 3-5 ปี ผิวแน่น เรียบเนียน มีความยืดหยุ่นดี ริ้วรอยลดลงอย่างเห็นได้ชัด รูปหน้าดูเรียวชัดเจน คอลลาเจนยังคงถูกสร้างต่อเนื่องถึงเดือนที่ 6

ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลลัพธ์

1. อายุและสภาพผิว: ผู้ที่อายุน้อย (25-40 ปี) มักเห็นผลดีและเร็วกว่า เพราะความสามารถในการสร้างคอลลาเจนยังดี ผู้ที่อายุมาก (50+ ปี) อาจต้องทำหลายครั้งหรือรวมกับทรีตเมนต์อื่นเพื่อผลที่ดีที่สุด ผิวที่มีความยืดหยุ่นดีจะตอบสนองต่อการรักษาได้ดีกว่าผิวที่เสื่อมสภาพมาก

2. จำนวนช็อตและพลังงานที่ใช้: จำนวนช็อตที่มากพอจะให้ผลที่ดีกว่า แต่ต้องไม่มากเกินไปจนเกิดผลข้างเคียง พลังงานที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความหนาของผิวและความทนต่อความเจ็บของแต่ละคน การกระจายช็อตอย่างสม่ำเสมอจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการยิงเป็นกลุ่ม

3. เทคนิคของแพทย์: ความชำนาญและประสบการณ์ของแพทย์มีผลอย่างมากต่อผลลัพธ์ การเลือกความลึกที่เหมาะสม การหลีกเลี่ยงเส้นประสาท และการวางแผนการยิงที่ดี การใช้เทคนิคพิเศษ SMAS LIFTING TECHNIQUE จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ

4. การดูแลตัวเองหลังทำ: การดื่มน้ามาก พักผ่อนเพียงพอ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ช่วยส่งเสริมการสร้างคอลลาเจน การทาครีมบำรุงและครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอช่วยรักษาผลลัพธ์ การหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดและการสูบบุหรี่ที่ทำลายคอลลาเจน

5. การทำซ้ำ: การทำโปรแกรม ULTRAFORMER III ซ้ำตามที่แพทย์แนะนำจะช่วยให้ผลลัพธ์ดีขึ้นและยั่งยืนกว่า การทำทุก 6-12 เดือนช่วยรักษาผลลัพธ์และชะลอการเสื่อมของผิว

 

จำนวนครั้งและความถี่ที่แนะนำ

แนวทางการรักษาตามกลุ่มอายุ

อายุ 25-35 ปี: สำหรับกลุ่มนี้ โปรแกรม ULTRAFORMER III ใช้เพื่อป้องกันและชะลอการเสื่อมของผิว แนะนำทำ 1-2 ครั้งต่อปี เน้นการกระตุ้นคอลลาเจนเพื่อรักษาความกระชับ ใช้จำนวนช็อตน้อยกว่า (300-600 ช็อต) และพลังงานปานกลาง ผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน 12-18 เดือน

อายุ 35-45 ปี: กลุ่มนี้เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยชัดเจน แนะนำทำครั้งแรก 2 ครั้ง ห่างกัน 3 เดือน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หลังจากนั้นทำปีละ 1-2 ครั้ง ใช้จำนวนช็อตปานกลาง (400-800 ช็อต) ผลลัพธ์อยู่ได้ 9-12 เดือน

อายุ 45-55 ปี: ผิวเริ่มหย่อนคล้อยมาก ต้องการการรักษาที่เข้มข้น แนะนำทำ 2-3 ครั้ง ห่างกัน 2-3 เดือน ในปีแรก หลังจากนั้นทำทุก 6-9 เดือน ใช้จำนวนช็อตมาก (600-800 ช็อต) และอาจต้องรวมกับทรีตเมนต์อื่น ผลลัพธ์อยู่ได้ 6-9 เดือน

อายุ 55 ปีขึ้นไป: ผิวหย่อนคล้อยมากและมีปัญหาซับซ้อน แนะนำทำโปรแกรม ULTRAFORMER III 3-4 ครั้ง ในปีแรก ห่างกัน 2-3 เดือน และทำซ้ำทุก 4-6 เดือน อาจพิจารณาการผ่าตัดร่วมด้วยในบางกรณี

 

การเตรียมตัวก่อนทำโปรแกรม ULTRAFORMER III

1 เดือนก่อนทำ

การปรับพฤติกรรม: เริ่มดื่มน้ามากขึ้นเป็นวันละ 2-3 ลิตร เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นของผิว ปรับการนอนให้ได้ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อให้ร่างกายพร้อมสำหรับการซ่อมแซม เริ่มรับประทานวิตามินซี 1000 มก./วัน เพื่อช่วยการสร้างคอลลาเจน งดหรือลดการสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่ทำลายคอลลาเจนและชะลอการหายของแผล

การดูแลผิว: ใช้ครีมบำรุงเพื่อเตรียมผิว ทาครีมกันแดด SPF 30+ ทุกวัน แม้อยู่ในร่ม เพื่อป้องกันผิวจากความเสียหาย หลีกเลี่ยงการทำทรีตเมนต์ที่รุนแรง ที่ต้องเว้นระยะอย่างน้อย 1 เดือน

1 สัปดาห์ก่อนทำ

ยาและอาหารเสริม: หยุดยาแอสไพริน, ยาต้านการอักเสบ NSAIDs หยุดวิตามินอี, น้ำมันปลา หยุดอาหารเสริมที่มีสารสกัดจากกระเทียม, ขิง, โสม ทั้งหมดนี้เพื่อลดโอกาสเลือดออกง่ายและช้ำ (ปรึกษาแพทย์ก่อนหยุดยาที่จำเป็น)

การดูแลผิว: หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารระคายเคืองสูง หลีกเลี่ยงการขัดผิวหรือใช้แปรงทำความสะอาดหน้า ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน และทาครีมบำรุงเพิ่มความชุ่มชื้น

3 วันก่อนทำ

การเตรียมตัวพิเศษ: ลดการดื่มแอลกอฮอล์ให้เหลือน้อยที่สุดหรืองดเลย เพราะแอลกอฮอล์ทำให้เลือดแข็งตัวช้าและผิวแห้ง ลดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา เพราะอาจทำให้ไวต่อความเจ็บมากขึ้น หลีกเลี่ยงอาหารเค็มจัด MSG สูง ที่ทำให้บวมน้ำ รับประทานอาหารที่มีวิตามินเค เช่น ผักใบเขียว เพื่อช่วยการแข็งตัวของเลือด

 

การดูแลหลังทำโปรแกรม ULTRAFORMER III

24 ชั่วโมงแรก

การดูแลทันทีหลังทำ: อาจมีอาการแดง บวมเล็กน้อย ซึ่งเป็นปฏิกิริยาปกติ ประคบเย็นเบาๆ 10-15 นาทีทุก 2-3 ชั่วโมงช่วยลดอาการ ทาครีมบำรุงเพื่อลดการระคายเคือง ดื่มน้าเปล่าอุณหภูมิห้องมากๆ อย่างน้อย 3 ลิตร หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหรือนอนตะแคง ควรนอนหงายหนุนหมอนสูง

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง: งดการออกกำลังกายหนักที่ทำให้เหงื่อออกมากหรือหน้าแดง งดการนวดหน้าหรือกดแรงๆ บริเวณที่ทำ หลีกเลี่ยงความร้อน เช่น อบซาวน่า อาบน้ำร้อน เป่าผมร้อนจัด งดดื่มแอลกอฮอล์เพราะจะทำให้บวมและช้ำง่ายขึ้น

สัปดาห์ที่ 1

การดูแลผิว: ทาครีมบำรุงเพิ่มความชุ่มชื่นและครีมกันแดด SPF 50 PA++++ ทุกวัน แม้อยู่ในบ้าน 

กิจกรรมที่ทำได้: สามารถทำงานและใช้ชีวิตปกติได้ แต่งหน้าได้ตามปกติหลังจากวันที่ 2 ออกกำลังกายเบาๆ เช่น เดิน โยคะอ่อนๆ ได้ ล้างหน้าและอาบน้ำได้ปกติ แต่ใช้น้ำอุ่นไม่ร้อนจัด

สัญญาณที่ต้องระวัง: หากมีอาการบวมแดงมากขึ้นหรือไม่ดีขึ้นภายใน 3-5 วัน มีอาการปวดมากผิดปกติหรือปวดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เกิดแผลพุพอง ผื่น หรืออาการแพ้ มีไข้ หนาวสั่น หรืออาการติดเชื้อ ให้ติดต่อแพทย์ทันที

เดือนที่ 1-3

การดูแลเพื่อส่งเสริมการสร้างคอลลาเจน: เริ่มใช้วิตามินซีเพื่อช่วยการสร้างคอลลาเจน รับประทานอาหารที่มีคอลลาเจน ดื่มน้าอย่างน้อย 2 ลิตรต่อวันอย่างต่อเนื่อง นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 7-8 ชั่วโมง กลับมาใช้ครีมบำรุงปกติได้เต็มที่ เน้นการบำรุงผิวด้วย การทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการเสื่อมจาก UV

การติดตามผล: นัดพบแพทย์เพื่อประเมินผลที่ 1 เดือน และ 3 เดือน ถ่ายรูปเปรียบเทียบกับก่อนทำ สังเกตการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ทั้งความกระชับ ริ้วรอย รูปหน้า ปรึกษาแพทย์เรื่องการทำเพิ่ม

การดูแลระยะยาว

การทำซ้ำ: ทำโปรแกรม ULTRAFORMER III ซ้ำตามคำแนะนำของแพทย์ (ทุก 6-12 เดือน) อาจเสริมด้วยทรีตเมนต์อื่น ที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง ปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ตามสภาพผิวที่เปลี่ยนไป

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม: รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด พักผ่อนให้เพียงพอ จัดการความเครียด หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ป้องกันแสงแดดด้วยการทาครีมกันแดดและสวมหมวก แว่นตา

 

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นและวิธีจัดการ

ผลข้างเคียงทั่วไป 

1. อาการแดง (ERYTHEMA) – พบ 80-90%: อาการแดงเกิดจากการตอบสนองของหลอดเลือดต่อความร้อน มักเกิดขึ้นทันทีหลังทำและหายไปภายใน 2-6 ชั่วโมง บางคนอาจแดงนาน 1-3 วัน โดยเฉพาะผิวแพ้ง่าย การจัดการ: ประคบเย็น หลีกเลี่ยงความร้อน

2. อาการบวม (EDEMA) – พบ 20-30%: บวมเล็กน้อยโดยเฉพาะบริเวณที่มีผิวบาง เช่น รอบตา แก้ม มักเห็นชัดในวันรุ่งขึ้นและยุบภายใน 3-7 วัน การจัดการ: นอนหมอนสูง, ประคบเย็น, ลดเกลือในอาหาร, ดื่มน้ามากๆ

3. ความเจ็บ/เจ็บกล้ามเนื้อ (TENDERNESS) – พบ 30-40%: รู้สึกเจ็บเมื่อยคล้ายออกกำลังกายมาก หรือเจ็บเวลากดหรือแตะ เกิดจากการอักเสบเล็กน้อยของเนื้อเยื่อ อาจอยู่นาน 1-2 สัปดาห์ การจัดการ รับประทานยาพาราเซตามอลเมื่อปวด, นวดเบาๆ, ประคบอุ่นหลัง 48 ชม.

4. รอยช้ำ (BRUISING) – พบ 5-10%: อาจเกิดรอยช้ำเล็กๆ ตามจุดที่ยิง โดยเฉพาะผู้ที่เส้นเลือดฝอยแตกง่าย รอยช้ำจะเปลี่ยนสีและหายไปภายใน 7-14 วัน การจัดการ: ทาครีมลดอาการช้ำ, ใช้คอนซีลเลอร์ปกปิด

5. ชาหรือเสียว (NUMBNESS/TINGLING) – พบ 10-15%: รู้สึกชา เสียว หรือรู้สึกผิดปกติบริเวณที่ทำ เกิดจากการกระตุ้นเส้นประสาทรับความรู้สึกชั่วคราว มักหายเองภายใน 2-4 สัปดาห์ การจัดการ: ไม่ต้องรักษา รอให้หายเอง, หากไม่ดีขึ้นใน 1 เดือนให้ปรึกษาแพทย์

ผลข้างเคียงที่พบน้อย

1. ตุ่มนูน (พบ <1%): เกิดตุ่มนูนเล็กๆ ตามรอยยิง คล้ายผื่นลมพิษ เกิดจากปฏิกิริยาการแพ้หรือผิวไวมากต่อความร้อน มักหายภายใน 24-48 ชั่วโมง

2. แผลไหม้ – พบน้อยมาก (<0.1%): เกิดจากการตั้งค่าพลังงานสูงเกินไปหรือยิงซ้ำที่เดิมมากเกิน ทำให้เกิดแผลพุพองหรือแผลไหม้ ต้องรักษาอย่างถูกวิธีเพื่อป้องกันแผลเป็น การจัดการ: พบแพทย์ทันที, ทายารักษาอาการไหม้

3. การบาดเจ็บต่อเส้นประสาท – พบน้อยมาก (<0.01%): อาการชาหรืออ่อนแรงของกล้ามเนื้อใบหน้า เกิดจากการยิงโดนเส้นประสาท MOTOR NERVE มักเป็นชั่วคราว 3-6 เดือน การจัดการ: รับประทานวิตามินบีเสริม ติดตามอาการกับแพทย์

4. ผิวเข้มขึ้น (พบ 1-2% ในผิวเข้ม): เกิดจุดดำหรือสีผิวไม่สม่ำเสมอ มักเกิดในผู้ที่มีผิวคล้ำมาก การจัดการ: ทาครีมเพิ่มความขาว หรือการทำเลเซอร์กลุ่มลดรอยดำ

5. ผิวอ่อนลง (พบน้อยมาก): เกิดจุดขาวหรือสีผิวจางกว่าปกติ เกิดจากการทำลายเซลล์เมลาโนไซต์ จากความร้อนสูง อาจใช้เวลาหลายเดือนในการฟื้นตัว การจัดการ: การทำเลเซอร์ หรือการทาครีมสเตอรอยด์

อาการที่ต้องพบแพทย์ด่วน

ควรติดต่อแพทย์ทันทีหากมีอาการต่อไปนี้:

  • บวมมากผิดปกติหรือบวมเพิ่มขึ้นหลังวันที่ 3
  • ปวดรุนแรงที่ยาแก้ปวดไม่ช่วย
  • มีไข้สูง หนาวสั่น ซึ่งอาจเป็นอาการติดเชื้อ
  • เกิดแผลพุพอง แผลเปิด หรือมีน้ำหนองไหล
  • กล้ามเนื้อหน้าอ่อนแรง ปากเบี้ยว ตาปิดไม่สนิท
  • ผื่นแพ้ทั่วตัว หายใจลำบาก
  • การมองเห็นผิดปกติ ปวดศีรษะรุนแรง

 

ข้อห้ามและข้อควรระวัง

ข้อห้ามสัมบูรณ์

1. สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร: ยังไม่มีการศึกษาความปลอดภัยในกลุ่มนี้อย่างเพียงพอ ความร้อนและคลื่นอัลตราซาวนด์อาจส่งผลต่อทารกในครรภ์ ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงอาจทำให้ผลการรักษาไม่แน่นอน แนะนำให้รอจนหยุดให้นมบุตรแล้วอย่างน้อย 3 เดือน

2. ผู้ที่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ฝังในร่างกาย: CARDIAC PACEMAKER, DEFIBRILLATOR อาจทำงานผิดปกติ ได้รับความเสียหาย คลื่นอัลตราซาวนด์อาจรบกวนการทำงานของอุปกรณ์

3. การติดเชื้อหรือแผลเปิดบริเวณที่จะทำ: สิวรุนแรงที่มีหนอง, HERPES SIMPLEX ที่กำเริบ หรือการติดเชื้อผิวหนังอื่นๆ แผลเปิด, แผลผ่าตัด, หรือแผลไหม้ที่ยังไม่หาย ต้องรอให้หายสนิทก่อนอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์

4. โรคผิวหนังที่อักเสบ: ผื่นผิวหนังที่กำเริบในบริเวณที่จะทำ ต้องรักษาให้สงบก่อนจึงจะทำได้

ข้อห้ามสัมพัทธ์

1. ผู้ที่เพิ่งทำโปรแกรมฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์: ควรเว้นระยะจากโปรแกรมฟิลเลอร์และโบท็อกซ์ อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ หรือทำ โปรแกรม ULTRAFORMER III ก่อน แล้วค่อยฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์

2. ผู้ที่มีโลหะฝังในบริเวณที่จะทำ: ฝังวัสดุโลหะ หรือการฝังไหมทองคำ ต้องหลีกเลี่ยงการยิงบริเวณนั้นโดยตรง

3. โรคเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด: หรือผู้ที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด มีความเสี่ยงช้ำและเลือดออกง่าย ต้องปรึกษาแพทย์เจ้าของไข้ก่อน

4. โรคแพ้ภูมิตัวเอง: อาจกระตุ้นให้โรคกำเริบ ต้องประเมินความเสี่ยงโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

5. ประวัติแผลเป็นนูน: มีความเสี่ยงเกิดแผลเป็น ต้องใช้พลังงานต่ำกว่าปกติ ติดตามอาการใกล้ชิด

6. ผู้ที่มีปัญหาทางด้านจิตใจ:  ต้องให้คำปรึกษาและประเมินความพร้อมก่อน

ข้อควรระวังพิเศษ

1. ผิวแทนง่าย (FITZPATRICK SKIN TYPE IV-VI): เสี่ยงต่อ POST-INFLAMMATORY HYPERPIGMENTATION ควรใช้พลังงานต่ำกว่าปกติ 20-30% เตรียมผิวด้วยครีมบำรุงก่อน 2-4 สัปดาห์ ใช้ครีมกันแดดอย่างเคร่งครัด

2. ผู้สูงอายุ (>65 ปี): ผิวบางและการสร้างคอลลาเจนช้า อาจต้องทำหลายครั้งเพื่อผลที่ดี ระวังการใช้พลังงานสูงเกินไป

3. ผู้ที่มีรอยสัก: หลีกเลี่ยงการยิงบริเวณรอยสักโดยตรง อาจทำให้สีจางหรือเปลี่ยนไป ยิงรอบๆ ห่างอย่างน้อย 2-3 ซม.

4. ผู้ที่เคยผ่าตัดใบหน้า: ควรรอให้หายสนิทอย่างน้อย 6 เดือน

 

การเปรียบเทียบ โปรแกรม ULTRAFORMER III กับเครื่อง HIFU ยี่ห้ออื่น

โปรแกรม ULTRAFORMER III VS ULTHERPAY

โปรแกรม ULTHERAPY:

  • เป็น HIFU แบรนด์แรกที่ได้ FDA จากสหรัฐอเมริกา
  • มีระบบ ULTRASOUND IMAGING (DeepSEE) ให้เห็นชั้นผิวขณะทำ
  • ความลึก 3 ระดับ: 1.5, 3.0, 4.5 มม.
  • ราคาสูงกว่า 30,000-150,000 บาท
  • เจ็บกว่า

โปรแกรม ULTRAFORMER III:

  • ได้ CE MARK, KFDA และ อย. ไทย
  • ไม่มีระบบ IMAGING แต่มี CARTRIDGE หลายขนาด
  • ความลึก 7 ระดับ: 1.5, 2.0, 3.0, 4.5, 6.0, 9.0, 13.0 มม.
  • ราคาย่อมเยากว่า 5,000-30,000 บาท
  • เจ็บน้อยกว่า ทนได้ดีกว่า

โปรแกรม ULTRAFORMER III VS SOFWAVE

โปรแกรม SOFWAVE:

  • ใช้เทคโนโลยี SUPERB (ULTRASOUNF+COOLING)
  • ความลึกเดียว 1.5 มม. เน้นกระตุ้นคอลลาเจนชั้นกลาง
  • ไม่เจ็บ
  • ราคาสูง 30,000-80,000 บาท
  • เหมาะกับผิวบาง ริ้วรอยตื้น

โปรแกรม ULTRAFORMER III:

  • ครอบคลุมหลายความลึก รักษาได้ครอบคลุมกว่า
  • สามารถยกกระชับ SMAS LAYER
  • เหมาะกับปัญหาหลากหลาย ทั้งริ้วรอย หย่อนคล้อย ไขมัน

 

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: โปรแกรม ULTRAFORMER III เจ็บไหม? A: เจ็บระดับปานกลาง รู้สึกเหมือนถูกยางรัดดีดหรือเข็มทิ่มเป็นจุดๆ ความเจ็บขึ้นอยู่กับบริเวณ โดยบริเวณที่ใกล้กระดูกจะเจ็บมากกว่า เช่น หน้าผาก ขากรรไกร การทายาชา 30-45 นาทีช่วยลดความเจ็บได้มาก ปัจจุบันมีเทคนิคการลดความเจ็บปวดที่ดีขึ้น ทำให้ผู้รับการรักษาส่วนใหญ่ทนได้

Q: ทำแล้วต้องพักฟื้นนานไหม? A: ไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปทำงานหรือใช้ชีวิตปกติได้ทันที อาจมีแดงหรือบวมเล็กน้อย 1-3 วัน ซึ่งสามารถแต่งหน้าปกปิดได้ ไม่มีแผล ไม่ต้องพักงาน เหมาะกับคนที่มีเวลาน้อย

Q: เห็นผลเมื่อไหร่ ผลอยู่นานแค่ไหน? A: เห็นผลทันที 10-20% จากการหดตัวของคอลลาเจน ผลดีขึ้นเรื่อยๆ ใน 1-3 เดือน จากการสร้างคอลลาเจนใหม่ ผลเต็มที่ที่เดือนที่ 3-4 ผลคงอยู่ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับอายุและการดูแลตัว

Q: ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล? A: เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก แต่การทำ 2-3 ครั้ง ห่างกัน 2-3 เดือน จะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หลังจากนั้นทำ ปีละ 1-2 ครั้ง ขึ้นอยู่กับอายุและสภาพผิว

Q: ใครที่ไม่เหมาะกับการทำ โปรแกรม ULTRAFORMER III? A: สตรีมีครรภ์ ให้นมบุตร ผู้ที่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ฝังในร่างกาย ผู้ที่มีการติดเชื้อหรือแผลเปิดบริเวณที่จะทำ ผู้ที่มีโรคแพ้ภูมิตัวเองรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ก่อน

Q: ทำโปรแกรม ULTRAFORMER III บ่อยเกินไปจะเป็นอันตรายไหม? A: การทำถี่เกินไป (เช่น ทุกเดือน) อาจทำให้ผิวอักเสบเรื้อรัง ควรเว้นระยะอย่างน้อย 2-3 เดือน เพื่อให้ผิวฟื้นตัวและสร้างคอลลาเจนได้เต็มที่ การทำบ่อยเกินไปไม่ได้ทำให้ผลดีขึ้น

Q: ราคาโปรแกรม ULTRAFORMER III เท่าไหร่? A: ราคาขึ้นอยู่กับจำนวนช็อต ราคา 3,900-35,000.-

 

สรุป: โปรแกรม ULTRAFORMER III คือทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัด

โปรแกรม ULTRAFORMER III เป็นเครื่อง HIFU เทคโนโลยีล่าสุดที่ให้ผลลัพธ์การยกกระชับที่เทียบเท่าการผ่าตัด โดยไม่ต้องใช้มีด ไม่มีแผล และไม่ต้องพักฟื้น ด้วยความสามารถในการส่งคลื่นอัลตราซาวนด์ลงไปได้ถึง 7 ระดับความลึก ทำให้สามารถรักษาปัญหาผิวได้ครอบคลุม ตั้งแต่ริ้วรอยตื้นๆ ไปจนถึงการยกกระชับชั้น SMAS และการสลายไขมันส่วนเกิน

จุดเด่นของโปรแกรม ULTRAFORMER III คือความหลากหลายของ CARTRIDGE ที่ทำให้แพทย์สามารถปรับการรักษาให้เหมาะกับปัญหาเฉพาะของแต่ละคน ผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันทีและดีขึ้นต่อเนื่องในระยะยาว รวมถึงความปลอดภัยสูงที่ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับสากล

การเลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ และเครื่องที่สั่งตรงจากบริษัท เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย เมื่อรวมกับการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีและการทำอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณมีใบหน้าที่กระชับ เรียวเล็ก และดูอ่อนเยาว์ได้อย่างยั่งยืน โดยไม่ต้องเสี่ยงกับการผ่าตัดหรือเสียเวลาพักฟื้นนาน

โปรแกรม ULTRAFORMER III จึงเป็นคำตอบที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้าอย่างจริงจัง ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ และความคุ้มค่าที่ได้รับ

Related

Uncategorized

โปรแกรมโบท็อกซ์ 2025: ลดริ้วรอย ปรับรูปหน้าเรียวเล็ก เห็นผลจริงใน 14 วัน

ริ้วรอยบนใบหน้าเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่ออายุมากขึ้น แต่ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ความงาม การฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ได้กลายเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการคืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวพรรณ โดยไม่ต้องผ่าตัด

Read More »
Uncategorized

โปรแกรมฟิลเลอร์เทคนิคพิเศษ DOUBLE LAYER LIFTING : เติมเต็มทุกจุด ยกกระชับทั้งใบหน้า อยู่นาน 24 เดือน

การมีใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์และมีมิติสมบูรณ์เป็นความปรารถนาของหลายคน แต่เมื่ออายุมากขึ้น ใบหน้าเริ่มขาดปริมาตร เกิดร่องลึกตามจุดต่างๆ การฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์จึงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างสูง

Read More »
Uncategorized

โปรแกรมเมโสหน้าใส กุญแจสู่ผิวกระจ่างใสอย่างยั่งยืน

ผิวหน้าที่หมองคล้ำ ไม่สม่ำเสมอ และขาดความกระจ่างใส เป็นปัญหาที่หลายคนต้องเผชิญ โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษและแสงแดดจัด การทำโปรแกรมเมโสหน้าใส จึงเป็นทางเลือกยอดนิยมที่ช่วยฟื้นฟูผิวจากภายในสู่ภายนอก

Read More »